ธุรกิจเป็นจำนวนมากในปัจจุบันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการ ที่จับเอาทักษะแนวความรู้บวกกับการคิดค้นของตนเองนำมาประยุกต์สร้างเป็นธุรกิจขึ้น.

 

แต่การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสินค้าหรือบริการผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง นั่นก็คือ ทุกคนต่างคิดว่าไอเดียของตนเองเหมาะแก่การทำธุรกิจไปเสียทุกเรื่อง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วธุรกิจที่แปลกใหม่ไม่ใช่ตัวที่การันตีความสำเร็จของธุรกิจได้เสมอไป ถ้าไอเดียนั้นไม่ตอบสนองความต้องการลูกค้า.

 

แนวคิดที่จะใช้ไอเดียรวมกับธุรกิจไปด้วยก็ควรจะ รวบรวมไอเดียทั้งหมดเอาไว้ และลองคัดเลือกไอเดียที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา โดยจะต้องมีแนวคิดองค์ประกอบทุกๆ ด้าน เช่น ความใหม่ แปลก กลุ่มลูกค้า คู่แข่งทางการตลาด เป็นต้น แล้วลองดูไอเดียที่เลือกมาว่าตอบโจทย์ทางธุรกิจหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีการที่จะเกิดไอเดียบรรเจิดได้ต้องมาจากการที่เราเป็นคนใฝ่รู้ รับสิ่งใหม่ๆเข้ามาเสมอ เพื่อรวบรวมข้อมูลและพริกแพรงความต่างให้เกิดขึ้น และลงมือสร้างสรรค์ไอเดียนั้นขึ้นมา.

 

ในวาระฉบับพิเศษก้าวสู่ปีที่ 10 ของนิตยสาร “SMEs ชี้ช่องรวย” แถมเป็นฉบับที่ 109 พอดิบพอดีเพื่อให้สอดคล้องกับ 10 ขวบปี จึงขอนำเสนอ “10 ไอเดียธุรกิจ” รวบรวมเอาไอเดียธุรกิจทำเงินได้จริงจากต่างประเทศ แต่ละธุรกิจบอกเลยว่าแปลก บางอาชีพที่แน่นอนว่าในประเทศไทยไม่สามารถทำได้ แต่ต่างประเทศสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เป็นแนวคิดทางไอเดียที่คาดว่าจะมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน อย่างน้อยก็เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้อ่านว่า “ธุรกิจแบบนี้ก็มีอยู่ในโลกด้วย”

Zip car บริการเช่ารถผ่านมือถือ

ไอเดียแรกขอนำเสนอไอเดียธุรกิจจากต่างประเทศที่ใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มช่องทาง และโอกาสทางธุรกิจ “ธุรกิจให้เช่ารถ” เกิดขึ้นแทบจะทุกประเทศเลยก็ว่าได้ แต่ Zip car หรือ บริษัท Zip car จำกัด ได้บริหารจัดการรถให้แก่สมาชิกทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และลอนดอน ซึ่งมีทั้งลูกค้ารายบุคคลและภาคธุรกิจ ความโดดเด่นของ Zip car อยู่ที่รถที่ให้เช่านั้นมีกระจายอยู่ทั่วไป สามารถจองรถเพื่อจะใช้ในพื้นที่ที่ต้องการได้ทันที ซึ่งสามารถเลือกใช้บริการเป็นรายชั่วโมงหรือรายวันก็ได้ การเติมน้ำมันภายในรถจะมีบัตรสำหรับเติมน้ำมันที่ไหนก็ได้ ในส่วนนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด.

 

สมาชิกสามารถจองใช้รถผ่านเว็บไซต์ หรือมือถือสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่นของ Zip car ซึ่งจะใช้แอพนี้เป็นรีโมทเพื่อปลดล็อกประตูรถที่จองเอาไว้ อีกทั้งยังสามารถเช็คจำนวนรถในพื้นที่ต่างๆ ที่ให้บริการว่าตรงไหนใกล้และสะดวกที่สุด แต่ทั้งนี้ผู้เช่าจะต้องเป็นสมาชิกของ Zip car ก่อน ในส่วนของผู้ที่ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนหากเป็นสมาชิกของ Zip car แล้วจะได้รับ Zipcard ไว้ใช้ ซึ่งข้อมูลของสมาชิกจะถูกส่งแบบไร้สายไปยังระบบคอมพิวเตอร์ในรถ เพื่อควบคุมการเปิดรถสำหรับผู้จอง โดยลูกค้าต้องนำ Zipcard ไปสัมผัสที่เครื่องอ่านบนตัวรถ.

 

การสมัครสมาชิกก็ง่ายๆ สมัครผ่านทางมือถือหรือเว็บไซต์ จะเสียค่าสมาชิก 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (1,500 บาท) อัตราค่าบริการจะหลากหลายขึ้นอยู่กับพื้นที่ รุ่นรถที่ใช้ และเวลาที่ใช้ ซึ่งโดยเฉลี่ยค่าเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 11.25 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 338 บาท)ต่อชั่วโมง หรือ 60 ดอลลาร์ต่อวัน (1,800 บาท) ปัจจุบัน Zip car มีสมาชิกประมาณ 325,000 ราย มีรายได้ต่อปี 130 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการเติบโต 30% ต่อปี ซึ่งจะมีลูกค้าทั้งบุคคลทั่วไปและกลุ่มบริษัท นี่ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้น และยังสะดวกสบายกับผู้ใช้บริการอีกด้วย.

 

ธุรกิจเก็บขี้หมา มูล (มี) ค่าหมื่นล้าน

ใครจะเชื่อว่าอุจจาระหรือเรียกกันหยาบๆ ว่า ขี้ จะสามารถทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งทำกันเป็นธุรกิจกันอย่างจริงจัง อุจจาระในที่นี้หมายถึงอุจจาระสุนัข (ขออนุญาตเรียกว่า “ขี้สุนัข” เพื่ออรรถรสในการอ่าน) แน่นอนหลายคนมีข้อสงสัยว่าขี้สุนัขจะสามารถทำเงินได้อย่างไร ในประเทศสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นประเทศเสรีแต่ก็มีกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดในเรื่องของความสะอาด คนที่เลี้ยงสุนัขและพาสุนัขออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน หรือตามสวนสาธารณะที่ต่างๆ เจ้าสุนัขก็จะขับถ่ายอุจจาระออกมา ซึ่งถ้าเกิดว่าเจ้าของสุนัขไม่ยอมเก็บกวาดจะต้องถูกปรับเสียเงินหลายทีเดียว.

 

เหตุนี้จึงจุดประกายไอเดียให้กับ จาคอบ และ ซูซาน คาเนียลโล่ คู่สามีภรรยาในรัฐวอชิงตันดีซี และเป็นครอบครัวที่รักสุนัขมาก พวกเขาเกิดไอเดียธุรกิจ “เก็บขี้สุนัข” โดยตั้งชื่อบริษัท Doody Calls จำกัด ซึ่งบริการดังกล่าวคือการตามเก็บขี้สุนัขที่ลูกค้าโทรมาสั่งตามสถานที่ต่างๆ โดยมีค่าบริการอยู่เริ่มต้นที่ครั้งละ 12 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 360 บาท ค่าบริการจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนก้อนขี้และจำนวนของสุนัข และยังมีการให้บริการทำความสะอาดขี้สุนัขตามบ้านอีกด้วย มีทั้งแบบรายสัปดาห์ และรายเดือน.

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าธุรกิจนี้สามารถทำเงินได้ปีละ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท ต่อปี แถมยังเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งขยายแฟรนไชส์ได้จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ใครจะไปคิดว่าแค่ (ขี้) สามารถทำเงินในอเมริกาได้มากมายขนาดนี้ ราคาค่าบริการใช่ว่าจะถูก แต่ยังมีคนใช้บริการเป็นจำนวนมาก ถ้าเกิดธุรกิจนี้สามารถเติบโตในประเทศไทยได้จะต้องสร้างรายได้มากเป็นหลายเท่าอย่างแน่นอน เพราะเวลาเดินไปไหนต่อไหนก็เจอแต่ (ขี้) ยิ่งตามวัดต่างๆ ยกขาหนีกันแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว.

 

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียธุรกิจจากต่างประเทศที่ยังไม่มีในประเทศไทย หรืออาจจะมีบ้างเพราะความจำเป็น ธุรกิจนี้น้อยคนนักที่อยากจะทำ เพราะหลายๆ คนอาจจะรับกับกลิ่นคาว คราบสกปรก หรือความสยดสยองกันไม่ไหว ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจรับจ้างทำความสะอาด แต่ไม่ใช่การทำความสะอาดบ้าน ทำความสะอาดรถ หรือทำความสะอาดทั่วไป แต่เป็นการทำความสะอาด “เหตุการณ์ฆาตกรรม” คราบเลือด คราบอสุจิ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกิดจากการฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุต่างๆ.

 

บริการนี้มีชื่อว่า “Murder Scene Cleaner” หรือแปลกันง่ายๆ ตรงตัว (Murder) แปลว่า ฆาตกรรม (Scene) แปลว่า ฉาก (Cleaner) แปลว่า คนทำความสะอาด รวมกันแปลว่า “คนทำความสะอาดฉากฆ่าตกรรม” ของบริษัท Advanced Bio-Treatment จำกัด แค่เห็นชื่อบริการก็ไม่มีใครอยากจะทำงานนี้อยู่แล้ว แต่ที่ต่างประเทศธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว การรับจ้างแต่ละครั้งนั้นจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์หรือน้ำยาทำความสะอาดที่ตรงตามความสกปรกประเภทต่างๆ.

 

โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บพิสูจน์หลักฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (อย่างที่เห็นกันตามในหนังหรือละครทั่วไป) Advanced Bio-Treatment ก็จะจัดส่งคนไปทำความสะอาดให้อย่างเรียบร้อย ลองคิดดูว่าหากเกิดเหตุฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตายในโรงแรม แม่บ้านทำความสะอาดคงไม่กล้าเข้าไปทำอย่างแน่นอน Advanced Bio-Treatment เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วัน เกิดมีเหตุด่วนเหตุร้ายสามารถติดต่อทางบริษัทได้ทันที แต่ไม่ใช่โทรไปแจ้งเหตุฉุกเฉินกันนะ เพราะเขารับจ้างทำความสะอาดอย่างเดียว.

 

หนุ่มหัวใส ขายพื้นที่ AD บนเสื้อยืด

ถ้าไม่นับดาราฮอลิวู้ดแล้ว ชายหนุ่ม (บ้านๆ) จากรัฐฟลอริดาคนนี้ถือเป็นคนแรกที่สวมเสื้อยืดแล้วได้เงินล้านจากค่าโฆษณา คงสงสัยกันอยู่สิว่าโฆษณาบนเสื้อยืดของชายหนุ่มชาวมะกันรายนี้เขาทำกันอย่างไร แน่นอนเขาไม่ใช่พนักงานขายที่มาขาย AD โฆษณาธรรมดาในนิตยสาร หรือ ทีวี อย่างแน่นอน Jason Sadler อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ความสามารถมีแต่ดันตกงาน (หรือเพราะโชคชะตาพารวย) เขาจึงเกิดไอเดียคิดหารายได้โดยการขายพื้นที่โฆษณาที่ไม่เหมือนใคร.

 

บริษัทของเขามีชื่อว่า iwearyourshirt.com ซึ่งการทำโฆษณาของเขาจะเป็นการใส่เสื้อยืดตลอดทั้งวัน ถ่ายภาพ แล้วก็เขียนบล็อกเกี่ยวกับภาพเหล่านั้น จากนั้นก็นำภาพขึ้นไปวางไว้บนเว็บไซต์ Twitter, Facebook และ Youtube วิธีการคิดราคาค่าโฆษณาของเขาจะคิดเพิ่มเป็นรายวัน เช่น ในวันที่ 1 มกราคม คิดราคา 1 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าลูกค้าซื้อพื้นที่ไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ก็จะเป็นเงิน 365 ดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่าอัตราค่าโฆษณาจะฟังดูไม่มากนัก แต่เมื่อรวมกันแล้วทั้งปี ก็จะมากถึง 66,795 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,200,000 บาท ซึ่งเขาก็หาลูกค้าที่ลงโฆษณาได้ทั้งปีเสียด้วย.

 

อีกทั้งยังขายสปอนเซอร์รายเดือนได้อีก 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้เขาถึง 18,000 ดอลลาร์ หรือราว 540,000 บาทต่อเดือน ความสามารถของโฆษณาผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์เช่นนี้ทำให้มีคนให้ความสนใจและเข้ามาชมเว็บไซต์ของเขามากถึง 300,000 คน และจะมีคนราว 18,000 คนชมวิดีโอของเขา ซึ่งปัจจุบันธุรกิจของ Jason Sadler ไปได้สวย และเขากำลังวางแผนขยายบริการให้กว้างขึ้นโดยการจ้างให้มีอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของสหรัฐ มาช่วยสวมเสื้อยืดโฆษณาด้วย และเขาก็จะขึ้นราคาค่าโฆษณาอีกเท่าตัว.

บริษัท ทำลายข้าวของ (ไม่จำกัด)
ธุรกิจนี้เหมาะสำหรับลูกค้าที่ชอบระบายอารมณ์ หรือชอบใช้ความรุนแรงเป็นอย่างมาก บางครั้งการระบายอารมณ์ก็ต้องใช่เรื่องของความรุนแรงเสมอไป คิดซะว่าเป็นการผ่อนคลายเล็กๆ น้อยๆ ก็แล้วกัน ซึ่งธุรกิจนี้มีเปิดขึ้นจริงแล้วในดินแดนแห่งเสรีภาพ นักธุรกิจชาวอเมริกา เปิดโอกาสให้ลูกค้ากระเป๋าหนักเข้ามาทำลายข้าวของที่ตนเองต้องการ โดยสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้ตามใจชอบ แต่จะเปิดให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่านั้น.

ถึงแม้ว่าบริการคลายเครียดด้วยการทำลายข้าวของจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่บริษัทเปิดใหม่อย่าง “ดีสตรัคชั่น คอมพะนี” ที่รัฐนิวเจอร์ซี่ย์ นับเป็นบริษัทแรกๆ ที่เปิดให้บริการลักษณะดังกล่าวอย่างเป็นกิจลักษณะโดยมีเมนูสิ่งของชนิดต่างๆ ให้เลือกทำลายได้ตามความต้องการ (และตามกำลังทรัพย์) ข้าวของที่บริษัทเตรียมไว้ให้ลูกค้าเลือกทำลายนั้นมีตั้งแต่ ขวดแก้ว ถ้วยชาม เครื่องลายคราม เฟอร์นิเจอร์ ทีวี กีตาร์ คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงานรถจักรยานยนต์ ฯลฯ ในราคาเริ่มต้นที่ $10 (ราว 300 บาท) สำหรับจานธรรมดา นอกเหนือจากนี้ยังมี ไอแพด รถยนต์ และแกรนด์เปียโน เป็นต้น.

ด้านอาวุธที่ใช้ในการทำลายล้าง ก็มีให้เลือกหลายรายการด้วยกัน เช่น ไม้เบสบอล ไม้กอล์ฟ ขวาน ค้อนปอนด์ ค้อนทุบหิน ดาบชนิดต่างๆ และเลื่อยลูกโซ่ เป็นต้น ผู้สนใจใช้บริการจะต้องเสียค่าสมัครสมาชิกเป็นรายปี และต้องจ่ายเงินค่าสิ่งของที่ต้องการทำลายทุกครั้ง ส่วนบริษัท จะจัดเตรียมสถานที่ลับ บนชั้นดาดฟ้าพร้อมชุด และอุปกรณ์ป้องกันอันตราย รวมทั้งบันทึกภาพขณะลูกค้าที่กำลังทำลายข้าวของอย่างเมามัน และคอยเก็บกวาดเศษซากให้อีกด้วย ใครสนใจอยากระบายอารมณ์หรือจะลองมาใช้บริการ แต่จำไว้ทุกความเสียหายมีราคาค่างวด.

“คอฟฟิศ” ออฟฟิศนอกสถานที่
ไอเดียนี้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่รู้ๆ กันว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นมีมนุษย์ออฟฟิศสูงติดอันดับทีเดียว ด้วยความเข้าใจถึงคนทำงาน เอเจนซี่ด้านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือเคลื่อนที่จึงร่วมมือกับร้านกาแฟต่างๆ จัดหาที่เสียบปลั๊กสำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สัญญาณอินเตอร์เน็ตและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อตอบโจทย์เอาใจคนทำงาน เพราะการทำงานนอกสถานที่อาจช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับคนทำงาน และอาจส่งผลถึงประสิทธิภาพของงานให้ดีขึ้นอีกด้วยซึ่งสถานที่นี้เรียกว่า “คอฟฟิศ”.

ร้านกาแฟ Renoir ในย่านชินจูกุ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนทำงานชาวญี่ปุ่นที่ไม่ได้ประจำในออฟฟิศ ทางร้านได้จัดให้มีที่เสียบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ราว 20 จุดให้กับพนักงานบริษัทที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน เจ้าของร้านยังจัดเตรียมอุปกรณ์แบบเดียวกันในสาขาโตเกียว ไซตามะ และคานากาวา เพื่อเอาใจลูกค้าที่เป็นคนทำงานที่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้ รวมถึงแม่บ้าน และนักเรียนที่กลายเป็นขาประจำ ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากโลกตะวันตกก็มีสถานที่แบบนี้อยู่มากมาย บางแห่งเปิดพื้นที่ให้เช่าทำออฟฟิศชั่วคราวเพื่อเจรจาธุรกิจกันเลย.

ในประเทศไทยอาจจะมีร้านที่เป็นรูปแบบนี้อยู่บ้างแต่ยังไม่ชัดเจนนัก ส่วนใหญ่เป็นการเข้าไปแอบเนียนนั่งนาน ทำงานไปพร้อมกับการสั่งกาแฟ ที่เห็นๆ ก็จะเป็นตามร้านคาเฟ่ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งก็ได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง แต่ถ้ามี คอฟฟิศ ที่เปิดอย่างเต็มรูปแบบจะต้องได้รับความนิยมจากคนที่ชอบทำงานนอกสถานที่อย่างแน่นอน และยังถือว่าเป็นการเพิ่มลูกค้า เพิ่มยอดขายให้กับทางร้านไปในตัวอีกด้วย.

ข้าวสารญี่ปุ่น บรรจุกระป๋อง
อีกหนึ่งจุดขายที่ใส่ไอเดียลงไปในสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าประเทศนี้เป็นเจ้าในเรื่องแพ็คเกจจิ้ง ที่มาพร้อมด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ สร้างสรรค์สินค้ารูปโฉมสวยสวยงามและใช้งานได้จริง ในด้านของอาหารการกินก็ขึ้นชื่อเช่นเดียวกัน ที่เด่นๆ ก็คือ ปลาดิบ อาหารทะเล ที่มีความสด จนหลายๆ คนต้องบินลัดฟ้าไปชิมกันถึงทีเลยทีเดียว ถ้านึกถึงอาหารที่บรรจุกระป๋องอะไรบ้างที่สามารถนำมาบรรจุกระป๋องขายได้ คงจะมีเยอะแยะมากมาย 108 อย่าง แต่ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้นำข้าวสารมาบรรจุกระป๋องขาย.

ข้าวสารญี่ปุ่นเมื่อหุ่งแล้วมีความอร่อย จึงมีพ่อค้าหัวใส่นำเอาข้าวสารมาบรรจุกระป๋องขาย อีกทั้งยังเลือกข้าวสารคุณภาพดีจากเกาะคิวชูแถมยังเป็นข้าวใหม่ การที่ใช้ข้าวใหม่นั้น เพราะยังไม่มีแมลงมอดมาเกาะกินข้าว ซึ่งการบรรจุกระป๋องสามารถเก็บความสดใหม่ได้ถึง 5 ปี และยังเลือกบรรจุกระป๋องที่มีความทนทาน ถึงจะโดนแสงแดดก็ไม่ทำให้คุณภาพของข้าวลดลง โดนของแข็งทับก็ไม่บู้บี้ ตกน้ำก็ไม่จม พร้อมสำหรับพกพาไว้ยามฉุกเฉิน ข้าว 1 กระป๋องหนัก 300 กรัม ราคากระป๋องละ 525 เยน ประมาณ 170 บาท.

ประเทศญี่ปุ่นยังนำเอาข้าวสารมาใส่กระป๋องขายได้ ประเทศไทยบ้านเรา ประเทศไทยก็น่าจะนำข้าวหอมมะลิมาใส่กระป๋องขายดูบ้าง เพราะบ้านเราขึ้นชื่อในเรื่องของสายพันธุ์ข้าวไทยที่มีความอร่อยไม่แพ้ชาติใด ซึ่งไอเดียข้าวสารกระป๋องอาจจะเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้ อีกทั้งความสะดวกในด้านต่างๆ เช่น พกพาสะดวก นำไปทำบุญตามวัดก็ได้ หรือจนไปถึงส่งออกต่างประเทศอีกด้วย.

ไอเดียเสื้อวินเทจเพื่อการกุศล
“Roots” แบรนด์เสื้อผ้าวิทเทจ ได้คิดโปรเจกส์เฉพาะกิจโดยทีมงาน Shorashim องค์กรการกุศลเพื่อผู้ยากไร้จากอิสราเอล และทีมครีเอทีฟที่อยู่เบื้องหลังไอเดียเด็ดๆ คือ McCann Digital ซึ่งพวกเขาเหล่านี้มีเป้าหมายให้ผู้คนทั่วไปเข้าถึงปัญหาของผู้ยากไร้ที่อดอยาก โดยการเชิญชวนคนรุ่นลุง ป้า มาบริจาคเสื้อผ้า เพราะเสื้อผ้าที่ได้บริจาคมานั้นจะมีความวินเทจอยู่ในตัวด้วยวัยของผู้บริจาคอยู่แล้ว ซึ่งตรงกับเทรนด์เสื้อผ้าในปัจจุบันที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นทั่วโลกเป็นอย่างมาก.

เมื่อได้รับเสื้อผ้าที่ คุณลุง คุณป้า บริจาคมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีมงานก็จะคัดเลือกเสื้อผ้าเก่าๆ นั้นมาเปลี่ยนปัดฝุ่น ซ่อมแซม และแปะยี่ห้อใหม่ ติดป้ายราคา จากนั้นนำมาถ่ายภาพโปรโมทด้วยฝีมือช่างภาพมืออาชีพ เพื่อจัดออกมาเป็นคอลเล็กชั่นพิเศษ และขายผ่านหน้าเว็บไซต์ http://hdpro.co.il/rootsfashion/ รวมถึงร้านค้าเสื้อผ้ามือสองก็รับเสื้อผ้าแบรนด์ Roots ไปขายด้วย ซึ่งเป็นเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ เสื้อผ้าคอเล็กชั่นแรกขายหมดทันที ซึ้งผู้ที่มาซื้อก็เป็นบรรดาวัยรุ่นที่หลงใหลในความวินเทจนั่นเอง.

Roots ประสบความสำเร็จได้ด้วยต้นทุนการผลิตที่ที่ต่ำ เพียงแค่มีไอเดีย แต่ทั้งหมดนี้รายได้ที่ Rotts ได้รับเป้าหมายก็คือ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นแนวคิดที่ชาญฉลาดแถมมีประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย

สินค้าเพื่อสาวก “เมล่อน คิตตี้”
ผลไม้ญี่ปุ่นมีชื่อเสียงเรื่องความสร้างสรรค์มาแต่ไหนแต่ไร ทั้งรูปทรงที่สามารถเสกสร้างได้ดั่งใจ อย่างเช่น แตงโมรูปทรงสี่เหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์สามารถขนส่งจัดวางได้อย่างสะดวก แตงกวาที่หั่นออกมาแล้วเป็นรูปหัวใจหรือรูปดาว หรือจะเป็นการสร้างสรรค์เปลือกผลไม้ ที่เห็นกันคุ้นตาก็คงเป็น แอปเปิ้ลที่มีตัวอักษรตามความหมายมงคลอยู่บนเปลือก แต่ที่จะมานำเสนออีกหนึ่งอย่างคือ เมล่อน ลองนึกดูว่าเมล่อนสามารถใส่ไอเดียสร้างสรรค์ให้ออกมาเป็นรูปแบบใดได้บ้าง แต่ที่ญี่ปุ่นเขาสามารถทำให้เมล่อน กลายเป็น คิตตี้ ได้.

ที่เมืองฟุราโนะ จังหวัดฮอกไกโด ผลิต “ฟุราโนะคิตตี้เมลอน” ซึ่งเขาสามารถทำให้ลายบนเปลือกของเมลอนเป็นรูป Hello Kitty ได้ จำนวนการผลิตมีเพียงแค่ 300 ลูก ลูกละ 4,980 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,450 บาท การสั่งซื้อต้องผ่านทางเว็บไซต์เท่านั้น โดยปกติแล้ว เมลอนของเมืองฟุราโนะ ก็หวาน หอม อร่อยอยู่แล้ว ยิ่งมีการเติมความน่ารักลงไปด้วยรูป Hello Kitty เข้าไปอีก ต้องหน้าซื้อเป็นของขวัญของฝากอย่างแน่นอน เวลาทานคงยิ้มไปด้วย.

เช่นเดียวกับเมืองไทยก็มีผลไม้ประจำชาติเยอะแยะมากมาย หากลองนำเอาผลไม้ที่ประเทศไทยของเรามีอยู่มาจับใส่ไอเดียลงไปบ้างก็สามารถเพิ่มมูลค้ามากขึ้นไปด้วย อาจจะใส่รูปช้างลงไปบนเปลือกมะพร้าว ใส่รูปหนุมานลงไปบนเปลือกแตงโม หรือรูปน่ารักๆ ที่สามารถคิดใส่ไอเดียเข้าไปได้ก็จะดีไม่น้อย.

“บุญมีบดโขลก” ครกมีดีไซน์
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียล่าสุดฝีมือคนไทยที่จับเอาภูมิปัญญาชาวบ้าน มาประยุกต์ดัดแปลงให้ดูมีความทันสมัยขึ้น แน่นอนว่าแทบทุกครัวเรือนไทยต้องทำกับข้าวทานเองและจะต้องมี “ครกและสากกะเบือ” ไว้ใช้เป็นอุปกรณ์ก้นครัว ไม่ว่าจะตำพริก โขลกเครื่องแกง ครกหิน ครกไม้ อุปกรณ์นี้อยู่คู่คนไทยครัวไทยมาช้านานแล้ว แต่ตอนนี้มีดีไซน์เนอร์สาวไทย “กะรัต จูงศิริวัฒน์” ที่ดัดแปลงอุปกรณ์ภายในครัว ให้มีดีไซน์ที่แตกต่างจากที่เคยเป็น และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถไปคว้ารางวัลการออกแบบดีไซน์ต่างๆ มาแล้วมากมาย.

“บุญมีบดโขลก” ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการทำอาหารเพื่อการบริโภคในครัวเรือน แต่ลดเสียงต่ำถี่จนทุ่งสะเทือนลง อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นการผสมผสานระหว่างครกหิน และครกไม้ใผ่ แต่รูปทรงแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มีรูปแบบเป็นทรงกระบอกส่วนของกระบอกนั้นเป็นไผ่แบ่งออกเป็น 2 ท่อน ภายในจะมีสากหิน 1 อัน ด้านนอกยึดติดด้วยยางซิลิโคน วิธีการโขลกนั้นก็ไม่ยากแค่นำพริกกระเทียมใส่เข้าไปดึงซิลิโคนเพื่อยึดติดใฝ่ทั้ง 2 ท่อนเอาไว้ เขย่าไม่กี่ครั้งพริกกระเทียมก็จะแหลกเหมือนการโขลกด้วยครกหิน

อุปกรณ์ บุญมีบดโขลก ชิ้นนี้ช่วยเพิ่มความสะดวก และรวดเร็ว อีกทั้งรูปแบบการใช้งานที่ แตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มแม่บ้านยุคใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งความต้องการการบริโภคอาหาร รสชาติแบบไทยแท้ ด้วยการคำนึงถึงรูปแบบ การใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมาย ในเรื่องของเอกลักษณ์ ทางรสชาติที่นิยมความเผ็ดร้อน และกลิ่นหอมเครื่องเทศ อีกทั้งรูปแบบของอุปกรณ์ครัวนั้น เป็นการหยิบเอาวัสดุธรรมชาติมาใช้ในการผลิตเพื่อความปลอดภัยและนำเอาความงาม ของวัสดุธรรมชาติ ผสมผสานด้วยคุณสมบัติของวัสดุสังเคราะห์ เรื่องของความยืดหยุ่น และผิวสัมผัสที่นุ่มนวล เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์.

 

Crd:sanook.com

94 COMMENTS

  1. Wow, awesome weblog format! How lengthy have you been running a blog for?
    you made running a blog look easy. The whole glance of your site is great,
    let alone the content material! You can see similar here sklep internetowy

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here